วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เราควรบริโภคคลอโรฟิลล์ของบริษัทไหนดี


  ประวัติ บริษัท ดี ซู ซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น
     ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1938
โดยใช้ชื่อว่า ดี ซูซ่า ฟู๊ด คอมพานี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ดี ซูซ่า คอร์ปอเรชั่น และเป็น ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น ในที่สุด
     เมื่อ ดี ซูซ่า ได้ขยายตลาดครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น โดยยึดมั่นในปรัชญาของบริษัทฯ ที่ว่า "มุ่งมั่นสร้างสุขภาพดี" ซึ่งมิสเตอร์ พอล ดี ซูซ่า ผู้ก่อตั้งได้ยึดถือเป็นหลักปฎิบัติตลอดมา
     พอล ดี ซูซ่า และดี ซูซ่า ฟู๊ด คอมพานี ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในธุรกิจ "อาหารเพื่อสุขภาพ" ซึ่งเจริญเติบโตมากมายในปัจจุบัน พอล ดี ซูซ่า เป็นชาวโปตุเกตโดยกำเนิดเกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ 1911 เป็นบุตรคนโตในจำนวน 17 คน ของเอ็มมานูลเอล และมาเรีย ดี ซูซ่า ซึ่งอพยพครอบครัวมาอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อเขาอายุได้เพียง 11 ปี ได้เดินทางออกจากรัฐแมสซาซูเซตเพื่อไปแสวงโชคด้วยตนเองเมื่ออายุ 17 ปี
     พอล ดี ซูซ่า ได้ย้ายมาอยู่ที่รัฐแคริฟอร์เนีย เมื่อปี ค.ศ 1938 พร้อมทั้งได้ก่อตั้งบริษัท ดี ซูซ๋า ฟู๊ด คอมพานี เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "ปลอดสารพิษ" ขึ้นเป็นแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา และหลังจากนั้นก็ได้ทุ่มเทศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชโดยปราศจากการใช้สารเคมี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพและการบริโภคเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างไร หลังจากการค้นคว้าวิจัยอย่างมากมายก็พบว่า "พืชที่ดีต้องม่จากดินที่ดี" แต่ดินที่ถูกทำลายจากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงและยาฆ่าวัชพืชต่างๆ ก็สามารถ "ปฎิพัฒนา"ให้กลับมามีสภาพที่ดีได้ ซึ่งหลังจากที่เขาได้เข้าไปร่วมงานกับ "สมาคมดิน"ต่างๆก็สามารถ"ปฎิพัฒนา" ให้กลับมามีสภาพที่ดีได้ ซึ่งหลังจากที่เขาได้เข้าไปร่วมงานกับ "การเกษรแห่ประเทศอังกฤษ" ในส่วนของ "สมาคมดิน" ซึ่งได้หลักการมาจากคัมภีร์โปราณ ฮีบรู ของอิสราเอลซึ่งมีอายุกว่า 3,000 ปี เกี่ยวกับการฟื้นสภาพดิน เขาก็นำความรู้ที่ได้ทั้งหมดกลับมาปฎิพัฒนาดินเพื่อการเกษตรกรรมของแคลิฟอร์เนีย จนกระทั่งสามารถทำการเพาะปลูกพืชผักปลอดสารพิษในเชิงพาณิชย์ได้ และเป็นผู้ก่อตั้ง "สมาพันธ์ผู้เพาะปลูกพืชผักปลอดสารพิษ" ขึ้นเป็นแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันสมาพันธ์ดังกล่าวยังคงดำเนินกิจการและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา โดยมีหน้าที่หลักในการออกหนังสือรับรองคุณภาพการเพาะปลูกสำหับเกษตรกรที่ปลูกพืชผักปลอดสารพิษ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว
     พอล ดี ซูซ่า ได้เรียนรู้ถึงสาระสำคัญที่มีอยู่ในพืช คือ "คลอโรฟิลล์" ว่ามีประโยชน์เอนกอนันต์ต่อมวลมนุษยชาติทั้งหลาย "คลอโรฟิลล์" สามารถเปลี่ยนพลังงานธรรมชาติคือแสงอาทิตย์ และของเสียคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้กลายเป็นคาร์โบไฮเดรตและก๊าซออกซิเจน ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ สัตว์และพืช ถ้าปราศจาก "คลอโรฟิลล์" แล้วก็แทบจะเรียกได้ว่าจะไม่มีสิงมีชีวิตอื่นใดบนโลกนี้อีก
      พอล ดี ซู ซ่า มีความภูมิใจมากที่เป็นคนแรกสามารถสกัด "คลอโรฟิลล์" ออกมาใช้งานได้ในเชิงพาณิช และเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายน้ำได้และ  ดี ซูซ่า ฟู๊ด คอร์ปอเรชั่น คือผู้ผลิตรายแรกที่ผลิต "คลอโรฟิลล์" ออกจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคไปตั้งแตีปี ค.ศ 1957 เป็นต้นมา "คลอโรฟิลล์" ของ ดี ซูซ่า ได้รับการยอมรับว่าเป็น "คลอโรฟิลล์" ที่บริสุทธิ์ที่สุดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบัน และเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้หนังสือรองรับจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ในเงื่อนไขความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์
     ในชั่ีวชีวิตของ พอล ดี ซูซ่า ได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่ม และได้รับรางวัลต่างๆมากมาย บั้นปลายของชีวิตเขาได้หันมาศึกษาค้นคว้าทางด้านปรัขญาของการคำรงชีวิตทำให้เขาพบว่า " อะไรก็ตามที่เราทำลงไปถูกบ้าง ผิดบ้าง ตามความแข็งแกร่งและอ่อนแอในตัวเรา ทั้งหมดเกิดจากการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น เราจะไปโทษอะไรอื่น คนอื่น หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆไม่ได้ เพราะตัวเราเป็นผู้กระทำ"
     สรุปก็คือ ถ้าเราทำวันนี้ดี อนาคตคือพรุ่งนี้ก็ต้องดี ตัวเราไม่เบียดเบียนผู้อื่น จิตใจเราก็สงบ ตรงกับหลักของศีล 5 ในพุทธศาสนา ซึ่งเรารักษาได้ครบ เราก็มีสติ มีสมาธิปัญญาก็เกิด ทำให้จิตใจเราสงบเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายที่ พอล ดี ซูซ่า เขียนไว้ก่อนที่เขาจะได้เสียชีวิตในเดือนตุลาคม ค.ศ 1987
     ในปี ค.ศ 1998-1999 บริษัท ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น ได้รับรางวัลผู้ส่งออกดีเด่น จากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ดังผลของปรัญาที่ว่า"มุ่งมั่นสรรค์สร้างสุขภาพที่ดี" 
  ประวัติของ โรซารี่ ดี ซูซ่า

      โรซารี่ ดี ซูซ่า ประธานบริษัท ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ 1970 โรซารี่ ดี ซูซ่า เป็นนักจิตวิทยา อุทิศเวลาให้กับการศึกษาด้านศาสนา และให้การสนับสนุนช่วยเหลือในด้านการค้นคว้าและวิจัยเพื่อสิ่งต่างๆ อาทิเช่น ด้านสุขภาพ ด้านความสุข และด้านที่มีชีวิตสงบสุข และในที่สุดเมื่อเธอได้พบและแต่งงานกับ พอล ดี ซูซ่า ผู้ค้นพบและก่อตั้งบริษัทฯขึ้นจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ โรซารี่ ดี ซูซ่า ยังคงมีโครงการที่จะเปิด Universal Activity Wholistic Center ขึ้นในรัฐอริโซน่า เพื่ออุทิศให้แก่สามีที่ล่วงลับไปแล้ว
   ทุ่งอัลฟัลฟ่า
     จากทุ้งกว้างสุดสายตา "ราชาแห่งอาหาร" ทั้งมวลอัลฟัลฟ่า จะถูกตัดและนำไปทำความสะอาดก่อนที่จะนำเข้าขบวนการสกัดเอา "คลอโรฟิลล์" โดยกรรมวิธี ฟรีซดราย (Freeze Dried) เพื่อให้คงสภาพและสารอาหารอย่างครบถ้วน หลังจากนั้นวัตถุดิบที่ได้ (Raw Material) จะถูกส่งไปวิเคราะห์คุณภาพที่ห้องทดลอง ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย คลอโรฟิลล์ของ ดี ซูซ่า ต้องมีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่า 98% ( มาตรฐาน FDA คือ 95% ถึงเรียกว่า Pure Chlorophyll ) 
     ทุกครั้งที่ผลิตจะได้รับการตรวจคุณภาพอย่างละเอียดก่อนที่จะถูกส่งไปยังหน่วยผลิต ซึ่งได้มาตรฐาน ISO 9002 เพื่อผลิตเป็นน้ำต่อไป  
หลังจากวัตถุดิบถูกส่งไปถึงหน่วยผลิตแล้วจะถูกเก็บไว้ในพื้นที่ที่ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าเด็ดขาดและจะมีการตรวจสอบคุณภาพอีกครั้งโดยห้องทดลองของหน่วยผลิตและโดยผู้เชี่ยวชาญเอง

 ( ผลิตภัณฑ์ของ DE SOUZA INTERNATIONAL, INC. CALIFORNIA, U.S.A )

     ต้องสะอาด

     บริสุทธิ์คงคุณภาพ

     สม่ำเสมอทุกหยด
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์
 http://chlorophyll01.weebly.com/
โทร0879753818 

   ยุง ไม้ไผ่

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คลอโรฟิลล์-พลังงานสีเขียวเพื่อสุขวัฒนะ 3

  คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพต่อโรคเบาหวาน
     โรคเบาหวานป็นโรคสลับซับซ้อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะยากแก่การรักษาโรคให้หายขาด โรคอ้วน การบริโภคอาหารผิดๆ และการขาดการออกกำลังกายมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ อัตราการเกอดโรคนี้มีมากชึ้นเรื่อยๆ
     ในปัจจุบันนี้ โรคเบาหวาน เป็นตัวก่อให้เกิดอาการโรคแทรกซ้อนอีกมากมายชนิดและที่เป็นอันตรายมากที่สุด คือการเสื่อมของระบบการไหลเวียนของเลือด (ประมาณ 40% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานเสียชีวิตด้วยโรคนี้)
     คลอโรฟิลล์ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของโลหิต คลอโรฟิลล์จึงช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดอันเกิดจากโรคเบาหวาน จากการทดลองในห้องปฎิบัติการพบว่า คลอโรฟิลล์ยังช่วยรักษาโรคเบาหวานอีกด้วย
  ผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือด
     โรคเบาหวาน เกิดขึ้นเมื่อตับอ่อนไม่ผลิตฮอร์โมนอินสุลิน เมื่อขาดอินสุลิน กล้ามเนื้อจะไม่สามารถดูดซับน้ำตาลกลูโคสจากหลอดเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในหลอดเลือดมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับน้ำตาลปกติ เมื่อร่างกายไม่ดูดซึมก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ นั่นคือแร่ธาตุอาหารจะไหลออกจากร่างกายโดยไม่ได้ประโยชน์การรักษาโรคเบาหวานที่ถูกต้องและที่ดีที่สุด คือการกระตุ้นให้ตับอ่อนสามารถทำการผลิตอินสุลินออกมาเองการฉีดอินสุลินเข้าสู่ร่างกายนั้นเป็นวิธีการรักษาโดยทั่วไป
     เราได้ค้นพบว่าบทบาทของคลอโรฟิลล์ในร่างกายคนนั้น คล้ายคลึงกับอินสุลินมากเมื่อฉีดสารประกอบที่ละลายน้ำเข้าทางเส้นเลือดของหนู 2 กลุ่ม ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดปกติและระดับน้ำตาลในเลือดสูง เกิดจากการฉีดกลูโคสเข้าไป เราพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทั้ง 2 กลุ่ม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและจะอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน แต่เมื่อให้หนูทั้ง 2 กลุ่มกินคลอโรฟิลล์ทางปากพบว่าหนูที่มีระดับน้ำตาลในเลือดปกตินั้น ระดับน้ำตาลในเลือดจะเปลี่ยนแปลงน้อยมากแต่หนูที่มีน้ำตาลในเลือดสูง ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงสู่ระดับปกติหลังจากกินคลอโรฟิลล์
     เนื่องจากการบริโภคคลอโรฟิลล์ได้พิสูจน์แล้วว่าจะช่วยลอระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติให้ลดลงมาเป็นปกติ ดังนั้นจึงสามารถจะกล่าวอย่างมั่นใจว่า คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นข่าวดีที่สำคัญยิ่งต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานต่อไปก็ได้
  ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคตับ
      ผู้ที่ได้รับการบริโภคคลอโรฟิลล์เป็นประจำ มีรายงานผลเกี่ยวกับการทำงานของตับดีขึ้น ถึงแม้ผู้ป่วยที่มีตับผิดปกติ เมื่อได้รับบริโภคคลอโรฟิลล์เป็นประจำจะช่วยลดความผิดปกตินั้นได้อย่างมาก
  คลอรีนและโปแตสเซียมเป็นประโยชน์ต่อตับ
     เราเชื่อว่าการที่คลอโรฟิลล์มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคตับได้ผลดีนั้น ก็เพราะในคลอโรฟิลล์มีธาตุคลอรีนและโปแตสเซียมสูง คลอรีนจะช่วยสลายไขมันที่สะสมในตับ โปแตสเซียมก็มีความจำเป็นต่อตับผู้ป่วยโรคตับแข็งมักจะขาดโปแตสเซียม
     สัดส่วนของแร่ธาตุที่สมดุลในคลอโรฟิลล์ ( เช่น คลอรีน และโปแตสเซียม ) จะช่วยรักษาระบบการทำงานของตับ
  คำตอบสำหรับผู้ที่มีกลิ่นตัวและลมหายใจเหม็น
     คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นลมหายใจ และกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะไม่ใช้อาการของโรคร้าย แต่ก็มีผลต่อชีวิตการทำงาน สังคมและชีวิตส่วนตัว การกำจัดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวเหล่านี้จึงเป็นเรื่องให้สำหรับผู้ที่มีปัญหา
     คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติในการระงับกลิ่นอย่างต่อเนื่อง ประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นนี้เป็นที่ทราบกันทั่วไป ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ทั่วไปในการดับกลิ่นลมหายใจและกลิ่นตัว จึงต้องมีคลอโรฟิลล์ผสม
อยู่ เช่นในหมากฝรั่งเป็นต้น คลอโรฟิลล์สามารถออกฤทธิ์การกำจัดกลิ่นได้ดี การบริโภคคลอโรฟิลล์จะให้ผลกำจัดกลิ่นลมหายใจได้ทันที
     กลิ่นลมหายใจมักเกิดจากเหงือกอักเสบมีหนอง หรือกระเพาะอาหารผิดปกติ คลอโรฟิลล์มีประสิทธิ
ภาพช่วยลดอาการอัดเสบได้ดี จ้งสามารถกำจัดกลิ่นที่ต้นเกตุได้อีกด้วย
  กำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย
     คลอโรฟิลล์ช่วยดับกลิ่นปากได้แต่มีพิเศษไปกว่านั้นก็คือ สามารถช่วยกำจัดกลิ่นที่ต้นเหตุ กลิ่นตัว
เกิดจากชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำปฎิกิริยากับเหงื่อไคล หรือสิ่งขับถ่ายของร่างกาย มำให้เกิดกลิ่นรุนแรง
การกำจัดกลิ่นโดยการยับยั้งแบคทีเรัยสามารถทำได้ด้วยการใช้คลอโรฟิลล์ทาที่บริเวณรักแร้หรือบริเวณที่ต้องการ จะดับกลิ่นได้ดี
  ผิวพรรณสดใส รู้สึกสดชื่น
     ทำไมเราถึงแก่ ถ้าเราสามารถตอบความลึกลับข้อนี้ได้และค้นพบวิธีการต่อต้านความชรา เราก็จะสามารถคงสภาพหนุ่มสาวได้ตลอดไป แต่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก็ยังไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ ทำไมบางคนแก่ช้ากว่าคนอื่น คำตอบของความลึกล้บนี้เราทราบเพียงแต่ว่ามีความแตกต่างไปแต่ละคน แต่ยังไม่ทราบว่าอะไรคือความแตกต่างนั้น
     มีคำกล่าวว่า "ขบวนการแก่เริ่มต้นที่หลอดเลือด" หลอดเลือดจะถูกออกซิไดซ์โดยอนุมูลอิสระออก
ไซด์กรดไขมันเปอร์ออกไซด์ และสารที่แข็งของของเสียทั้งหลายทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสื่อมลง
ยังผลทำให้ภาวการณ์หมุนเวียนโลหิตบกพร่องและความดันสูง ซึ่งจะนำไปสู่การตีบตันและการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจด้วย การรักษาหลอดเลือดให้อยู่ในสภาวะหนุ่มสาวเข้าไว้ เราก็จะสามารถชะลอขบวนการชราภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     คลอโรฟิลล์มีสารอาหารที่ป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของไลโปโปรทีน (องค์ประกอบหลักทางหลอดเลือด) สารอาหารเหล่านี้ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และรักษาคุณสมบัติการยึดหยุ่นของหลอดเลือดซึ่งช่วยขะลอขบวนการแก่ชราได้ นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ยังป้องกันการสะสมของคลอเรสเตอรอล
ในหลอดเลือด และจะช่วยปรับปรุงระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
     หลอดเลือด คือ ท่อลำเลียงอาหารเข้าสู่ร่างกายและนำเอาของเสียออกจากร่างกาย หลอดเลือดที่่สะอาดมีความยึดหยุ่นสูง จะช่วยให้ระบบลำเลียงอาหารและการขับถ่ายของเสียมีประสิทธิภาพสูง จึงทีผลโดยตรงต่อสุขภาพพลานามัยของหัวใจและร่างกาย
  การกระตุ้นการหลั่งสารเคลือบกระเพาะด้วยคลอโรฟิลล์
     คลอโรฟิลล์ สามารถช่วยรักษาสุขภาพของกระเพาะอาหาร ลำไส้ เราได้รับข่าวบ่อยครั้งจากผู้ป่วยที่ทนทุกข์ทรมารรื้อรัง จากการปวดท้องอย่างรุนแรงแจ้งมาว่า อาการเหล่านี้จะหายไปทันที่เมื่อบริโภคคลอโรฟิลล์นอกจากนี้ยังมีรายงานจำนวนมากจากผู้ป่วยที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง มีอาการหายเป็นปกติหลังจากบริโภคคลอโรฟิลล์เป็นประจำ
     เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากคลอโรฟิลล์ เกลือแร่และเอ็นไซม์ในอัลฟัลฟ่ามีปฎิกิริยาร่วมกันนั้นเอง
     ขั้นแรกสุดเอ็นไซม์จะช่วยย่อยอาหาร ต่อมาคลอโรฟิลล์จะช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร ด้วยการกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อเล็กๆ ใหม่ในผนังของกระเพาะ ทำให้แผลในกระเพาะหายไป
     และสิ่งสุดท้ายคือ ระบบย่อยอาหารผิดปกติหรือการเกิดแผลในกระเพาะมักเกิดจากความเครียด เมื่อร่างกายทีความเครียด ธาตุโปแตสเซียมจะถูกทำลายและการบีบรัดของกระเพาะทำงานไม่ปกติ คลอโรฟิลล์มีธาตุโปแตสเซียมสูงมากจะช่วยลดสภาวะการเครียดจากการขาดธาตุโปแตสเซียมได้ดี
  ประสิทธิภาพที่น่าสนใจในการรักษาโรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้
     โรคภูมิแพ้ในเด็กพบอยู่ทั่วไป เช่น ช่องจมูกอักเสบ หอบหืดและโรคผิวหนังอักเสบ เคยเชื่ิอกันว่า โรคภูมิแพ้ในเด็กจะหายไปเมื่อโตขึ้น แต่บางรายไม่หายแม้จะเติบโตเป็นหนุ่มสาว โดยเฉเพาะกรณีผิวหนังอักเสบ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรงและเกาผิวหนังจนอักเสบเป็นผื่่นแผลและผิวหนังเห่อหนาขึ้น
     โรคภูมิแพ้เชื่อกันว่าเกิดจากปฎิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันไม่ปกติ วิทยาการทางการแพทย์แผนป้จจุบันยังไม่มีข้อมูลหรือความรู้เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอจึงทำให้ยังไม่อาจหาวิธีรักษาที่ดีได้
  ต้นเหตุของปัญหา-ความเป็นกรดของเลือด
     เมื่อนำเลือดจากผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มาตรวจ พบว่ามีความเป็นกรดแทนที่จะออกฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ตามปกติเป็นที่น่าสังเกตุว่า ยาแก้โรคภูมิแพ้ส่วนมากจะช่วยกระตุ้นทำให้เลือดออกฤทธิ์เป็นกรดแทนที่จะรักษาอาการของโรคด้วยยา การรักษาโรคภูมิแพ้ที่ดี คือ การปรับสภาพการทำงานของเซลล์ให้เป็นไปตามปกติ ซึ่งสิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ การลดระดับความเป็นกรดของร่างกายนั้นเอง ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จำนวนมากที่บริโภคคลอโรฟิลล์ได้พบว่าอาการโรคภูมิแพ้ลดลงและหลายรายที่อาการหายขาด
     เพราะร่างกายของเขาอยู่ในสภาพกึ่งเป็นไข้ ร่างกายไม่อยู่ในสภาวะปกติ เพราะระบบการทำงานของร่างกายไม่ราบรื่น
     สภาพเช่นนี้อาจเกิดจากภาวะโภชนาการไม่ถูกต้อง และมีการบริโภคสารอาหารที่แปลกปลอม ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือการปรับสภาพร่างกายให้ปกติด้วยคลอโรฟิลล์ และบริโภคอาหารที่สะอาดเป็นประโยชน์
ต่อร่างกาย
  ผิวพรรณแลดูเยาว์วัยดังปราถนา
     ทุกคนต้องการเก็บรักษาผิวพรรณเยาว์วัยของตนเองไว้ ผิวพรรณสดใสจะทำให้จิตใจสดชื่นอีกด้วยผิวหนังเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่มองเห็นมากที่สุด ผิวหนังสดใสมีน้ำมีนวลทำให้ดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ
     สตรีเป็นจำนวนมากหันมาใช้เครื่องสำอางนานาชนิดเมื่อผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพลงเครื่องสำอางไม่ได้ทำให้ผิวพรรณสดใสอ่อนวัยได้และเครื่องสำอางทำให้ผิวพรรณมีสีสันผิดแผกจากธรรมชาติ
     เมื่อระบบอวัยวะภายในร่างกายไม่ทำงานเป็นปกติ ผิวหนังจะไม่เปล่งปลั่ง โดยเฉเพาะเมื่อโลหิตและผิวหนังมีความเป็นกรด จะทำให้ผิวหนังแห้เป็นขุย ไม่สดใสเพราะระบบอว้ยวะภายในไม่ปกติหรือมีความเป็นกรด การบริโภคคลอโรฟิลล์เป็นประจำจะทำให้ผิวหนังกลับมาสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพราะคลอโรฟิลล์จะช่วยปรับระบบการทำงานของอวัยวะภายในและแก้ปัญหาความเป็นกรด คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพดียิ่งในการทะนุบำรุงผิวหนังให้แลดูอ่อนวัยมีน้ำมีนวล โดยความจริงแล้วคลอโรฟิลล์ให้ผลดีในการรักษาโรคผิวหนัง ส่งเสริมการทำงานของระบบอวัยวะในร่างกายทั้งหมด ผิวหนังที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลสดใส
     นักกีฬาหรือนักมวยปล้ำต่างทราบดีว่า เมื่อร่างกายฟิตเต็มที่ ผิวหนังจะเปล่งปลั่งและดูเป็นมัน ผิวหนังที่เปล่งปลั่งมีเลือดฝาด บอกถึงสุขภาพที่สมบรูณ์แข็งแรงดี
  รังษีอุลตร้าไวโอเล็ทและอากาศเสียเป็นอันตรายต่อผิวหนัง
     ผิวหนังตามปกติจะได้รับการป้องกันจากไขมัน ซึ่งจะถูกขับออกมาจากเซลล์ผิวหนัง อย่างไรก็ตามรังษีอุลตร้าไวโอเล็ท ไนโตรเจนออกไซด์และอากาศเสียจะออกซิไดซ์ผิวหนังและเซลล์ทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำ ซึ่งสามารถกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ สารแอนตี้ออกซิเดนท์ ในคลโรฟิลล์จะยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นลดการอักเสบ กำจัดจุดด่างดำบนใบหน้าและชลอความชรา 
  ผิวพรรณที่น่าชื่นชม
     พลังสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า ไม่เพียงแต่แก้ไขระบบอวัยวะในร่าวกาย แต่ยังช่วยทำให้ผิวหนังสวยงามเพราะเอ็นไซม์ ซุปเปอร์ออกซิไดดิสมูเทส นอกจากกำจัดอนุมูลอิสระแล้วยังมีประสิทธิภาพช่วยบำรุงผิวพรรณให้เยาว์วัย นอกจากนี้ยังมีไวตามินธรรมชาติบำรุงผิวอยู่อย่างสมดุล มีคนเป็นจำนวนมากเชื่อว่าไวตามินซี ช่วยบำรุงผิว จึงทำให้เกิดการบริโภคไวตามินซีสังเคราะห์เพียงอย่างเดียวในอัตราสูงมากจนน่าเกรงว่าจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
     ได้มีรายงานแจ้งจากผู้บริโภคคลอโรฟิลล์ ว่าอาการเป็นสิว ไฝ ฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้าหรือปัญหาโรคผิวหนังไหม้จากแสงแดดหายได้ หลังจากบริโภคคลอโรฟิลล์เป็นประจำระยะหนึ่ง

 สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์
 http://chlorophyll01.weebly.com/
โทร0879753818 

 ยุง ไม้ไผ่ 

 
    

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คลอโรฟิลล์-พลังงานสีเขียวเพื่อสุขวัฒนะ 2

  อัลฟัลฟ่า อุดมไปด้วยเม็ดเลือดสีเขียวของพืช
   โดยสัญชาติญาณเราจะรู้สึกสงบ ผ่อนคลายและสบายใจกีชับสีเขียว ทั้งนี้เพราะสีเขียวก่อให้เกิดภาพพจน์ของธรรมชาติ  ที่อุดมสมบรูณ์และภาพพจน์ของคลอโรฟิลล์
     คลอโรฟิลล์มีสีเขียวเข้ม เป็นคลอโรฟิลล์สดที่ได้จากอัลฟัลฟ่าที่เติบโตอย่างแข็งแรง คลอโรฟิลล์ได้รู้จักกันมานานนับกว่าร้อยปี คือ เม็ดสีเขียวซึ่งเชื่อกันว่า  จะเปลี่ยนเม็ดเลือดแดงเมื่อมนุษย์บริโภคเข้าไป เมื่อพิจราณาถึงสูตรโครงสร้างทางเคมีแล้ว จะเห็นว่าคลอโรฟิลล์และเม็ดเลือดแดงมนุษย์มีสูตรโครงสร้างที่เป็นฝาแฝดกัน จะต่างกันแต่ธาตุเหล็ก  และธาตุแมกนีเซียมที่มีอยู่ในเม็ดเลือดแดงและคลอโรฟิลล์ตามลำดับเท่านั้น   
     พลังงานและคุณค่าของคลอโรฟิลล์ต่อร่างกายมนุษย์มีมากอย่างคาดไม่ถึง สามารถช่วยระบายการย่อยอาหารได้ เมื่อท่านมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร โรคกระเพาะ หรือแผลในกระเพาะอาหาร อาการเจ็บปวดและคลื่นเหียนจะทุเลาทันทีที่ดืมคลอโรฟิลล์ หรือน้ำอัลฟัลฟ่า
     นอกจากนี้ คลอโรฟิลล์ยังช่วยสมานแผลในกระเพาะและแผลภายนอกที่ถูกไฟลวก หรือแผลพุพอง
ให้ลดอาการอักเสบและหายได้อย่างรวดเร็ว
  อุดมด้วยโภชนาการ
     นอกจากคลอโรฟิลล์แล้ว อัลฟัลฟ่ายังมีโภชนาการสมดุลและสมบรูณ์ด้วยโปรตีน ไวตามิน เกลือแร่ เอ็นไซม์และสารแอนตี้ออกซิแดนท์
     ไวตามินมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย จึงทำให้มีการผลิตไวตามินสังเคราะห์ขึ้นมาจำหน่ายใน
ท้องตลาดการบริโภคไวตามินสังเคราะห์ในอัตราสูงๆเพียงชนิดเดียวอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้
     ร่างกายต้องการไวตามิน แต่ปริมาณความต้องการไวตามินของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป การ
บริโภคไวตามินในรูปอาหารธรรมชาติจะทำให้ได้สารอาหารที่สมดุลเข้าไปในร่างกาย กล่าวคือ ได้ทั้งไว
ตามิน เกลือแร่ และเอ็นไซม์ ซึ่งจะมีบทบาทเสริมพลังต่อกันให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุดและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
     อัลฟัลฟ่าอุดมไปด้วยไวตามิน เช่น แคโรทีนนอยด์ (ไวตามินเอ) ไวตามินบี 1, บี 6, ไวตามินซี, ไว
ตามินอี, ไวตามินดี, ไวตามินเค, ไนอะซีน, ไบโอทีนและแพนโทธีนิค,รวมทั้งยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วนทั้ง 8 ชนิด ได้แก่ กรดอะมิโนไลโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมไธโอมีน ฟีนอลอะลามีน เทรโอนีน
ทริปโตฟาน และวาลีน กรดอะมิโนเหล่านี้ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างเองได้ แต่ต้องมีไว้เพื่อใช้ประ
โยชน์ในการสร้างเนื้อเยื้อต่างๆ
     พลังสีเขียวที่ได้จากอัลฟัลฟ่า เป็นแหล่งไวตามีนอย่างดี และมีความปลอดภัยต่อการบริโภคเพราะเป็นอาหารธรรมชาติที่สมดุลกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกเกี่ยวกับการบริโภคเกินกว่าอัตรากำหนดว่าจะมีผล
ข้างเคียง
  ผลของเปอร์ออกซิเดส (Peroxidase) ในการต่อต้านโรคมะเร็ง
     คลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่า มีเอ็นไซม์ ชื่อ เปอร์ออกซิเดส ทำหน้าที่สลายอนุมูลอิสระหรือสารก่อมะเร็งและป้องกันเซลล์ปกติไม่ให้เป็นเซลล์มะเร็ง
     นอกจากนี้คลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่ายังมีไวตามีนที่ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เป็นจำนวนมาก เช่น ไวตามินเอ ไวตามินซี และไวตามินอี ซึ่งช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งอีกด้วย
     การที่ไวตามินเหล่านี้ทำงานร่วมกับเอ็นไซม์
เปอร์ออกซิเดส จึงทำให้คลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่ามีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารก่อมะเร็งมาก
กว่าการใช้สารเพียงตัวใดตัวหนึ่ง 
     เมื่อไม่กี่ปีนี้ น้ำมันพืช (ลิโนเลอิก แอซิค)ได้ถูกรายงานว่าสามารถใช้ลดคลอเรสเตอรอลได้
แต่อย่างไรก็ตามได้มีการค้นพบว่ากกรดไขมันไม่อิ่มตัวอย่างไลโนแลอิก สามารถถูกออกซิไดซ์โดยอนุ
มูลอิสระกลายเป็นไขมันเปอร์ออกไซด์ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อ ดีเอนเอ (DNA) ผนังเซลล์และผนังหลอดเลือดทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ไขมันตัวนี้อาจจะทำให้เกิดการอักเสบ โรคเบา
หวาน และโรคผิวหนังอักเสบ
     คลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติต่อต้านออกซิเดชั่นและกำจัดอนุมูลอิสระ จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งและโรคดังกล่าวข้างต้น
     การบริโภคคลอโรฟิลล์จะทำให้มีภูมิต้านทานต่อโรคเหล่านี้ เพราะโลกในปัจจุบันมีสิ่งแวดล้อมเป็น
พิษทำให้มีสารพิษ สารก่อมะเร็งและอนุมูลอิสระล้อมรอบตัวเราอยู่ทุกขณะ
 
  ป้องกันมะเร็ง : โรคร้ายอันดับหนึ่งของโลก
     มะเร็งเป็นโรคที่น่าสะพรึงกลัวในยุคของเรา และทำลายชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ทั้งๆ ที่มีการค้นคว้าทดลองมาก แต่มนุษย์เป็นจำนวนมากก็ยังต้องตายเพราะโรคมะเร็ง
     มะเร็งเกิดจากเซลล์ร่างกายปกติที่แปรเปลี่ยนสภาพไปเป็นเซลล์มะเร็ง สารก่อมะเร็ง เช่นรังษี
และสารพิษต่างๆ ทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนนี้ นอกจากนี้สารเบนซ์ไพรีน (Benzpyrene) ที่พบในเนื้อ
ย่าง เผา ก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน จากการทดลองอย่างละเอียดพบว่า คลอโรฟิลล์สามารถกำจัดปฎิกิริยาที่จะก่อให้เกิดมะเร็งเหล่านี้

   การละลายของเสียในหลอดเลือด
    เราจะป้องกันโรคหัวใจวายได้อย่างไร วิธีป้องกันที่ดีที่สุด ก็คือจะต้องไม่ให้มีปริมาณของเสียเพิ่มขึ้นในเลือดจนไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจ
     คลอโรฟิลล์มีสารคลอเรสเตอรอล กำจัดอนุมูลอิสระ (เพราะมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ 2-0-GIV)
ลดการตกตะกอนของเกล็ดเลือดและช่วยละลายของเสียในหลอดเลือดด้วย เหตุนี้ คลอโรฟิลล์สามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคหัวใจได้
  ลดระดับคลอเรสเตอรอล
     ความดันโลหิตสูง เป็นสภาวะอันตรายของคนในวัยกลางคนขึ้นไป สาเหตุเกิดจากการสะสมของคลอเรสเตอรอล และหลอดเลือดอุดตัน
     เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูง ประการแรกคือ การลดระดับคลอเรสเตอรอล รายงานจากการทดลองพบว่า คลอโรฟิลล์ช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยป้องกันการดูดซึมคลอเรส-
เตอรอล ในทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ได้ใช้สารเบทาซิโทสเตอรอล (Beta setoserol) ช่วยลดระดับ
คลอเรสเตอรอลของคนป่วยที่มีคลอเรสเตอรอลสูง และสารเหล่านี้มีอยู่ในคลอโรฟิลล์ จากอัลฟัลฟ่า
ในปริมาณพอสมควร
     คลอโรฟิลล์ มีประสิทธิภาพสูง ดุจตัวยาที่ใช้ในการลดคลอเรสเตอรอลทางการแพทย์ แต่คลอโร
 ฟิลล์เป็นพลังสีเขียวจากอัลฟัลฟ่าที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% จึงไม่มีผลข้างเคียงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
  โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์)
     โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) เกิดจากเชื้อไวรัส ได้ค้นพบในปี 1981 โรคเอดส์มี 2 ชนิด HIV-1
(พบมากในอเทริกาใต้ ยุโรปและเอเซีย) และเชื้อ HIV-2 (พบมากในอัฟริกาตะวันตก)
  ความหวั่นวิตกของการติดโรคเอดส์
     โรคเอดส์ เป็นภัยร้ายแรงที่อาจทำให้มนุษยชาติถึงกับสูญพันธุ์ได้ จึงเป็นที่หวาดหวั่นของทุกคน
โดยเฉเพาะอย่างยิ่งโรคนี้เมื่อเป็นแล้วยังไม่มีวิธีหรือยาใดๆ รักษาได้ในขณะนี้ การแพร่ระบาดทางเพศ
สัมพันธ์ทำให้การป้องกันทำได้ยาก การถ่ายเลือดก็ยังเป็นสาเหตุของการระบาดโรคนี้
  คลอโรฟิลล์กับการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์
     พล้งสีเขียวจากอัลฟัลฟ่านี้มีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีสารชนิดหนึ่งละ
ลายน้ำได้และมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสเอดส์ สารละลายตัวนี้ยังอาจ
ช่วยป้องกันการเกิดโรคเอดส์ด้วย 
     คลอโรฟิลล์มีสารช่วยกระตุ้นการหลั่งของโปรแลคทีน และฮอร์โมนทำให้เติบโตจากต่อมใต้สมอง สารฮอร์โมนทั้งสองนี้จำเป็นต่อการรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยซ่อมแซมการตอบสนอง
ต่อระบบภูมิคุ้มกันตามปกติ นอกจากนี้สารฮอร์โมนทั้งสองยังมีหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้ฟื้นตัว
     เนื่องจากคลอโรฟิลล์มีอำนาจในการยับยั้งการแพร่พันธุ์ของเชื้อไวรัสเอดส์ ด้วยการเป็นตัวกระตุ้น
ให้มีออกซิเจนในระบบเลือดมากขึ้น ออกซิเจนนี้เองที่จะไปทำให้การเพิ่มขึ้นของไวรัส ลดจำนวนลงในที่สุดและช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้อยู่ในสภาพมีพลานามัยดี คลอโรฟิลล์จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านโรคเอดส์ 
     เราได้ตระหนักดีว่าเอดส์เป็นมหัตภัยต่อมนุษยชาติที่จะต้องหาทางกำจัดอย่างรีบด่วน การค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับโรคเอดส์ โดยใช้คลอโรฟิลล์ดำเนินการทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากผลการทดลองเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านโรคเอดส์ สิ่งนี้จึงเป็นที่่น่ายินดีและอาจเป็นหนทางใหม่ของการช่วยชีวิตมนุษย์จากโรคนี้ได้
     ผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์จะมีภูมิคุ้มกันผิดปกติและเสื่อมสภาพลงเรื่ิอยๆ ทำให้เกิดการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายและหายยากกว่าคนปกติทั่วไป คลอโรฟิลล์จะเข้าไปกระตุ้นต่อมไร้ท่อให้สร้างฮอร์
โมนที่จะไปสั่งงานให้ระบบภูมิคุ้มกันได้อีกส่วนหนึ่ง ทำให้ระยะเวลาของการติดเชื้อของผู้ป่วยโรคเอดส์ห่างออกไปเรื่อยๆจนเกิดการติดเชื้อได้ยากและปกติในที่สุด จะเหลือแต่ HIV ที่ยังคงอยู่ในระบบเลือด แต่ทั้งนี้เลือดที่มีออกซิเจนมากขึ้นและมีความเป็นด่างมากขึ้นจะทำให้ HIV ไวรัสค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆ คือ ไวรัสที่เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคน ผู้ป่วยโรคเอดส์ไม่ได้ตายเพราะไวรัสชนิดนี้แต่ตายเพราะเชื้อโรคอื่นที่แทรกซ้อนเข้าไป เนื่องจากขาดภูมิคุ้มกัน


สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้
http://chlorophyll01.weebly.com
หรือสอบถามทางโทรศัพท์ได้ที่เบอร์
0879753818

ยุง ไม้ไผ่
 

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คลอโรฟิลล์-พลังงานสีเขียวเพื่อสุขวัฒนะ 1

  เอ็นไซม์เพื่อเพิ่มปฎิกิริยาและพลังงาน
     ร่างกายมนุษย์มีเอ็นไซม์มากกว่า 3,000 ชนิด เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ เอ็นไซม์ทำหน้าที่เป็นตัวก่อให้เกิดปฎิกิริยาหรือเร่งปฎิกิริยาของร่างกายให้รวดเร็วขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การย่อยอาหาร การหายใจ การหมุนเวียนของโลหิต ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีเอ็นไซม์ช่วยชักนำทั้งสิ้น
      เอ็นไซม์มีบทบาทต่อทางชีวเคมีของร่างกายอย่างสำคัญยิ่ง ระบบภูมิต้านทาน การจำกัดสารก่อมะ
เร็งออกจากร่างกาย ฯลฯ จะสมบรูณ์มีประสิทธิภาพจะต้องมีเอ็นไซม์ช่วยก่อให้เกิดปฎิกิริยา
     ขบวนการผลิตคลอโรฟิลล์ที่ดีต้องคำนึงถึงคุณค่าอันสูงยิ่งของเอ็นไซม์ ที่มีต่อร่างกายจึงไดีใช้วิธีการผลิตที่ใช้อุณภูมิเย็นพิเศษ และใช้ระยะเวลาระเหยแห้งเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ทำให้สามารถถนอมเอ็นไซม์เอาไว้ได้อย่างดียิ่ง เป็นขบวนการผลิตแบบใช้เทคโนโลยีสูงสุดเท่าที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันและต้นทุนการผลิตก็สูงที่สุดด้วย ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า ฟรีซดราย (Freeze Dry)
  เอ็นไซม์แอนตี้อ๊อกซิแดนท์ต่อต้่นอนุมูลอิสระ
     สารก่อมะเร็ง ที่เรียกว่า อนุมูลอิสระ เกิดขึ้นได้โดยขบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ในคนที่ปกติการเกิดอนุมูลอิสระจะถูกควบคุมปริมาณเอาไว้ แต่ถ้าหากมีอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายหรือเกิดขึ้นมากผิดปกติ ต้วอนุมูลอิสระนี้จะไปทำลายเซลล์ปกติให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว อันเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจวาย มีบางทฤษฎีเชื่อกันว่าอนุมูลอิสระนี้ คือ ต้นตอแห่งรากเหง้าของโรคทุกโรคของร่างกายเลยทีเดียว
     ไขมันที่เรียกว่า ไลปิดเปอร์อ๊อกไซด์ ก็เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดี.เอ็น.เอ (DNA) ของเซลล์ในร่างกายซึงจะทำให้เกิดการอักเสบ หลอดเลือดแข็งตัว แก่ก่อนวัย โรคหัวใจ ฯลฯ
     เอ็นไซม์บางชนิด เป็นสารแอนตี้อ๊อกซิเดนท์ เช่น เอ็นไซม์ซุเปอร์อ๊อกไซด์ดีสมูเทส (Super Oxide Dismulase หรีอ SOD) จะกำจัดอนุมูลอิสระ และสารไลปิดเปอร์อ็อกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกำจัดไลปิดเปอร์อ๊อกไซด์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีจะเป็นการป้องกันโรคที่ดีที่สุด พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่าอุดมไปด้วยเอ็นไซม์ต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงเปอร์อ๊อกซิเดสที่สำคัญยิ่ง
     สารเคมีกำจัดวัชพืช พาราคว็อค ใช้พ่นกำจัดพืชสีเขียวทุกชนิด ปฏิกิริยาของมันจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ของพืชที่ถูกฉีดพ่น ใบสีเขียวจะแห้ตายอย่างรวดเร็ว แต่พาราคว็อคไม่สามารถฆ่าอัลฟัลฟ่าได้ เนื่องจากมีปริมาณเอ็นไซม์ในลำต้นและใบ รวมไปถึงระบบรากที่อยู่ลึกลงไปในใต้ดินถึง 130 ฟุต
ในบางพื้นที่ยาฆ่าวัชพืช จึงไม่สามารถทำอะไรต้นอัลฟัลฟ่าได้และในตัวอัลฟัลฟ่าจะต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระดังกล่าวด้วย
  การค้นพบสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ตัวใหม่ 
     ความสำเร็จในการสกัดเอาสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ตัวใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า สาร 2-0-GIV ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ฟลาโวนอย โดยการสกัดได้จากอัลฟัลฟ่า 
     แอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ฟลาโวนอยจะออกฤทธิ์ และมีปฎิกิริยา แอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ได้อย่างมีประสิทธิ
ภาพสูงมาก สามารถป้องกันการเกิดไลปิดเปอร์อ๊อกไซด์ได้ดีด้วย ปฎิกิริยา คิเลท (Chelet) เป็นการทำลายอนุมูลอิสระโดยสาร 2-0-GIV ซึ่งออกฤทธิ์กำจัดปฎิกิริยาไลปิดเปอร์อ๊อกซิเดชั่น ในเซลล์ร่างกายได้ดีเช่นเดียวกับสารแคโรทีน ไวตามีนซี หรือ ไวตามีนอี ปฎิกิริยาซึ่งทำให้เกิด อ๊อกซิเดชั่น เอเย่นต์
(อันเนื่องมาจากรังษีอุลตร้าไวโอเล็ท) จะลดลงมากกว่า 50% เมื่อถูกสาร 2-0-GIV
     ผลจาการทดลองได้พบว่าสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์  2-0-GIV ออกฤทธิ์ ได้ดีกว่าโทรโคฟีรัล (Tro-
copherall) และบีเอชที (BHT) ในการต่อต้านโรคมะเร็ง
  พิชิตโรคเรื้อรัง
     เราได้ทราบถึงกรรมวิธีการผลิตคลอโรฟิลล์ จากอัลฟัลฟ่า ที่มุ่งหวังการถนอมสารอาหารทุกชนิด
เอาไว้ทำให้ได้ค้นพบโภชนาการที่สำคัญ ที่มีอยู่ในคลอโรฟิลล์ ก็คือ ไวตามิน เกลือแร่ เอ็นไซม์ และ
สารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ซึ่งก็ต่างอยู่ในรูปยังมีชีวิต (Vital) อยู่
     ด้วยบทบาทของโภชนาการสำคัญเหล่านี้ ทำให้ร่างกายของผู้ใช้ คลอโรฟิลล์ สามารถต่อต้าน และ
ป้องกันโรคเรื้อรังที่ร้ายแรงได้หลายชนิด เช่น โรคหัวใจ ลดคลอเรสเตอเรล ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง ชะลอความแก่ ช่วยในการย่่อยอาหาร ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบ ตับอักเสบ โรคภูมิแพ้ กลิ่นลมหาย
ใจ และกลิ่นตัว
  คลอโรฟิลล์กำจัดต้นเหตุของโรคหัวใจ

     โรคที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนโลหิต เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตในประเทศพัฒนาแล้ว คือเส้นเลือดหัวใจอุดตัน และอัมพาต เป็นผลสืบเนื่องจากระดับไขมันในเลือดสูง และความผิดปกติของหลอดเลือดอักเสบ อนุมูลอิสระจำพวกเปอร์อ๊อกไซด์ และอ๊อกไซด์ต่างๆ ทำให้ผนังเลือดอุดตัน อาหารและเอ็นไ้อซม์ไม่สามารถจะไหลผ่านไปได้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
     อาการเบื้องต้นของคนเป็นโรคหัวใจเรียกว่า
แองไจน่าแมคดอริส ก็คืออาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณหน้าอกเหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงกลางหน้าอก จนหายใจไม่ออก เป็นสื่อสัญญาณอันตรายของการเกิดหัวใจวาย

  แร่ธาตุอาหารและเกลือแร่สำคัญ
      แร่ธาตุมีความจำเป็นต่อร่างกาย แร่ธาตุบางตัวมีคุณสมบัติเป็นโลหะ เช่นธาตุเหล็ก โปแตสเซียทองแดง สังกระสี แมงกานีส แร่ธาตุบางตัวมีคุณสมบัติเป็นด่าง เช่น โซเดียม ฟอสฟอรัส และแคลเซียม
     ร่างกายต้องการแร่ธาตุน้อย แต่การขาดแร่ธ็ตุจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ เช่น การขาดธาตุเหล็กจะทำให้เกิดโรคโลหิตจาง การขาดสังกระสี จะทำให้เกิดโรคเบาหวาน การขาดแคลเซียม จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกอ่อน
     การทำงานของไวตามินและเอ็นไซม์หลายชนิดจะต้องมีแร่ธาตุอาหาร เช่น เอ็นไซม์ซุเปอร์อ๊อกไซด์
คีมเทส ต้องการธาตุสังกระสีและทองแดงในการเกิดปฎิกิริยา เป็นต้น
  หัวใจต้องการโปแตสเซียม 
     หัวใจซึ่งเป็นกล้ามเนื้อชนิดหนึ่งที่แข็งแรงและทำสูบฉีดตลอดเวลา ในการทำงานของกล้ามเนื้อ
 หัวใจนั้นต้องการแร่ธาตุโปแตสเซียม ร่างกายจะรักษาสัดส่วนของโปแตสเซียมต่อโซเดียมเอาไว้ให้สมดุลต่อกัน เมื่อมีปริมาณโปแตสเซียมลดลงจะทำให้สัดส่วนของโซเดียมจะเพิ่มขึ้น 
     การทำงานเคร่งเครียดในแต่ละวัน จะทำให้ระดับโปแตสเซียมในเลือดลดลง ซึ่งถ้าท่านทำงานเครียดจะต้องเพิ่มระดับของโปแตสเผวียมให้สมดุล อาหารจานด่วนและอาหารปรุงแต่งในปัจจุบันนี้ มักขาดโปแตสเซียมการบริโภคอาหารประเภทนี้บ่อยครั้งจะทำให้ร่างกายขาดธาตุโปแตสเซียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นผลทำให้เกิดโรคหัวใจขึ้นมาได้
  พลังของโปแตสเซียมธรรมชาติ
     ต้นเหตุของความดันโลหิตสูงเกิดจากหลอดเลือดตีบตัน และการมีแร่ธาตุโซเดียมสูงผิดปกติ ดังนั้น
เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูง จึงต้องจำกัดการบริโภคเกลือและต้องบริโภคโปแตสเซียมให้เพียงพอ
     คลอโรฟิลล์มีโปแตสเซียมสูง โซเดียมต่ำ และช่วยลดคลอเรสเตอรอลอันเป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบตัน จึงป้องกันโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี 

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้
http://chlorophyll01.weebly.com
หรือสอบถามทางโทรศัพท์ได้ที่เบอร์
0879753818

ยุง ไม้ไผ่

    
  

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า

คลอโรฟิลล์-พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า

  อะไร คือ พลังงานสีเขียวจาก อัลฟัลฟ่า
        พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า คือ คลอโรฟิลล์ที่ได้จากอัลฟัลฟ่าสด ที่เจริญเติบโตสดใสแข็งแรง
ด้วยขบวนการพิเศษ ที่สามารถถนอมคุณค่าทางโภชนาการทั้งมวล เช่น เกลือแร่ เอ็นไซม์ และ แอนตี้
อ๊อกซิเดนช์ สารโภชนาการที่ได้นี้เป็นสารอาหารทางธรรมชาติ ที่มีความสมบรูณ์และสมดุลต่อความต้องการของร่างกายอย่างน่ามหัศจรรย์
        ด้วยความรู้และภูมิปัญญาทางด้านสุขอนามัยในป้จจุบันนี้ ซึ่งผ่านการวิจัยมานานปี จากอเมริกาได้
ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบถนอมอาหาร ทำให้สามารถผลิตอาหารแห่ชีวิตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อทุกเซลล์ในร่างกาย
  พลังงานชีวิตที่ได้รับจากอัลฟัลฟ่า คือ หนทางไปสู่สุขวัฒนะของมนุษย์
       พลังงานสีเขียวที่ได้จาก อัลฟัลฟ่า นอกจากจะช่วยในการบำรุงรักษาสุขภาพแล้ว ยังสามารถช่วยต่อต้านโรคร้าย
ต่างๆหลายชนิดได้แก่ ความดันโลหิตสูง ( High Blood
Pressure) คลอเรสเตอรอลสูง (Hight Cholesterol) โรค
เอสด์ (AIDS) โรคภูมิแพ้ (Allergies) กลิ่นตัว (Body Odor)
โรคชรา (Aging) ผิวหนังแห้เหี่ยว (Wrinkle And Tued Skin)
และการก่อตัวของอนุมูลอิสระ (Free Radial Formation)
        ขณะเมื่อท่านได้อ่านต่อไป ท่านจะพบกับแนวทางที่จะ
เปลี่ยนชีวิตของท่านอย่างถาวร โดยไม่ตัองทนทุกข์ทรมารอยู่กับโรคร้ายต่างๆอีกต่อไป พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่สามารถ
พัฒนาสุขภาพและให้พลังงานชีวิตที่มากกว่า คำว่า ทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น ดูดีขึ้น สิ่งที่ไดัรับพลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า จะช่วยทำให้ท่าน อายุยืนยาวขึัน และช่วยต่อต้านโรคร้ายต่างๆ
ได้หลายชนิด

คลอโรฟิลล์กับคุณค่าทางอาหารที่พิเศษ
      จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ธัญพืชและหญ้าเป็นอาหารหลักและยาของสัตว์โลกนานาชนิด ในสังคมสมัยใหม่ ที่นิยมอาหารจานด่วน (Fast Food) อาหารเหล่านี้ขาดพลังโภชนาการทางธรรมชาติและก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ สิ่งที่ขาดหายไปนี้ไม่อาจทดแทนได้ด้วยตัวยาใดๆ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่อาหารที่เราบริโภคควรจะต้องกลับสู่ธรรมชาติ
      ในการวิจัยค้นคว้าหาพืชอาหารในฝันที่อุดมด้วยโภชนาการ ได้มีการวิเคราะห์พืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด ซึ่งมีทั้งถั่ว ผัก หญ้า และพืชสมุนไพรต่างๆ จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่า
นั้น ในที่สุดค้นพบว่าพลังงานสีเขียว หรือคลอโรฟิลล์ จาก อัลฟัลฟ่านั้น คือ พืชอาหารในฝัน
    ในเมื่ออัลฟัลฟ่า มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นนี้ การนำเอาอัลฟัลฟ่ามาสกัดเอาน้ำสีเขียวมาบริโภคโดยตรง จะได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ได้ แต่อาจจะได้สารอาหารไม่ครบถ้วน เพราะสารอาหารหลายชนิดต้องการเครื่องมือสกัดพิเศษ จึงจะแยกออกมาได้อีกทั้งจะสลายตัวอย่างรวดเร็วหลังจากถูกสกัด จึงต้องมีขบวนการถนอมอาหารพิเศษที่จะรักษาโภชนาการเหล่านี้โดยเฉเพาะ
      อัลฟัลฟ่า เป็นพืชตระกูลถั่ว ซึ่งขึ้นในแถบทะเลทรายเมื่อกว่า 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล ได้มีการค้นพบ อัลฟัลฟ่า และนำมาใช้เป็นสมุนไพร เพื่อเพิ่มความแข็งแรงแก่ร่างกาย
      อัลฟัลฟ่า นอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารแแล้วยังมีคลอโรฟิลล์สูง เป็นพืชที่ให้เอสโตรเจน
ธรรมชาติรวมไปถึงเอนไซม์ 8 ชนิด คือ ไลเปส (Lipase), อามีเลส (Amylase), โคกูเลส (Coagulase)
อีมัลซิน (Emulsin), อินเวอเทส (Invertase), เปอร์ออกซิเดส (Peroxidase), เพคติเนส (Petinase),
และ โปรตีส (Protese) ที่สามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ
  วิวัฒนาการและขบวนการผลิตพลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า
      หลังจากการค้นพบว่า พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่ามีคุณค่าทางอาหารที่ดีที่สุด แต่ก็ยังต้องค้นคว้าหาวิธีสกัดและเก็บรักษาให้อยู่ในรูปที่ให้ความสดเหมือน มีชีวิต (Vital)เพื่อรักษาคุณค่าและประสิทธิภาพของสารอาหารเหล่านั้น จากการค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมานานนับศตวรรษ ได้ค้นพบขบวนการผลิตสาร
พลังงาน สีเขียวนี้ ที่สามารถจะถนอมคุณค่าทางโภชนาการได้ครบถ้วน และเป็นสารพลังงานสีเขียวที่ร่างกายสามารถย่อยได้ง่าย และดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      ขบวนการผลิตเหล่านี้ เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดใบที่เติบโตเต็มที่ แต่ไม่แก่เกินไปและแยกเส้นใยออกด้วยลูกกลิ้งชนิดพิเศษที่สามารถจะคั้นเอาน้ำ สีเขียวออกมา น้ำอัลฟัลฟ่าสีเขียวนี้จะถูกดูดความชื้นออกไปและทำให้แห้งภายใน 3 วินาที โดยวิธีการฟรีซดรายภายใต้อุณหภูมิเย็นพิเศษ ที่ให้ได้คลอโรฟิลล์ที่ละลายน้ำได้100%ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุอาหารและพลังงานแก่ชีวิตสามารถเก็บรักษาได้นานนับปี
      ทุกวันนี้พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่าและคุณค่าทางโภชนาการที่มหัศจรรย์ ได้รับการยอมรับอย่าง
กว้างขวางมากยิ่งขึ้นทุกที

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้
http://chlorophyll01.weebly.com
หรือสอบถามทางโทรศัพท์ได้ที่เบอร์
0879753818

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน

ยุง ไม้ไผ่ 
 
 
 

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

 คลอโรฟิลล์ จาก อัลฟัลฟ่า 
    การสกัดและวิเคราะห์ "คลอโรฟิลล์" จากพืชกว่า 6,000 ชนิด พบว่าพืชที่ให้ "คลอโรฟิลล์" ที่บริสุทธิ์และดีที่สุดคือ "อัลฟัลฟ่า"(Alfalfa) ซึ่งจัดเป็นพืชจำพวกที่มีฝัก (legumes) ตระกูลถั่ว และมีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื่นที่รากของอัลฟัลฟ่าสามารถชดนไชลงไปลึกกว่า 130
ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า อีกทั้งตัวของมันเองจะไม่สะสมสารพิษ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จาก"อัลฟัลฟ่า" มากว่า 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์และใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่มจึงขนานนามให้เป็น AL-FAS-FAH-SA
หรือ "ราชาแห่งอาหารทั้งมวล" ประโยชน์ของ "อัลฟัลฟ่า" สามารถใช้บำบัดอาการปอดบวมและอักเสบต่างๆ เช่น ปวดข้อ จนกระทั่งถึงความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และเซลล์ตับถูกทำลาย นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า "อัลฟัลฟ่า" สามารถช่วยทำให้เลือดสะอาดขึ้น อัลฟัลฟ่า เป็นพืชที่ให้กรดอะมีโน ที่จำเป็นครบทั้ง8ชนิด ซึ่งได้แก่ กรดอะมิโนไอโซลิวซีน, ลิวซีน, ไลซีน, เมไธโอนีน, พีนิลอะลานีน,
เทรโอนีน, ทริปโตฟานและวาลีน กรดอะมิโนเหล่านี้ร่างกายสร้างเองไม่ได้ แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อประ
โยชน์ในการสร้างเซลล์ใหม่ในอัลฟัลฟ่ายังมี วิตามินเอ, บี6, บี12, ดี, อี, และเค รวมทั้งเกลือแร่ เช่น
ฟอสฟอรัส, โปรแตสเซี่ยม, แคลเซี่ยม, สังกระสี, เซเลเนี่ยมและแมนีเซี่ยม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเอน
ไซม์หลักอีก 8 ชนิด คือ ไสเปส, อาเมเนส, โคกูเลส, อีมูลซีน, อินเวอร์เตส, เปอร์ออกซิเดส, เพคติเนส, โปราตีส มนุษย์เราต้องการเอนไซม์หลักมากกว่า 3,000 ชนิด แต่ร่างกายสร้างได้เองเพียงไม่กี่ชนิด นอกนั้นต้องบริโภคจากอาหารสดประจำวัน ประเภทพืชผักและ ผลไม้ต่างๆ แต่ถ้าหากอาหารเหล่านี้ผ่านความร้อนเกินกว่า 55 องศา ขึ้นไป เอ็นไซม์ต่างๆ จะเสื่อมหรือแปรรูปไปและร่างกายจะไม่ได้ประ
โยชน์อะไรเลย ร่างกายต้องการเอนไซม์เพื่อช่วยปรับระดับความสมดุลย์ของระบบคุ้มกันต่างๆ และจากวิธีการรับประทานอาหารในปัจจุบันนี้ เราได้รับเอนไซม์เข้าไปในร่างกายน้อยมาก
         ในอัลฟัลฟ่า ยังมี ซาโปนิน ซึ่งเป็นสารที่มีผลในการลดการอุดตันของเลือดและช่วยยับยั้งคลอ
เลสเตอรอลชนิดเหลว (LDL) ในเลือดลงได้จึงช่วยลดความดันโลหิตลง
         ไอโซฟลาโวน, ฟลาโวนและสโตอโรล ในอัลฟัลฟ่า ยังช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเอสโตเจน
และปรับระดับฮอร์โมนดังกล่าวในผู้หญิง ทั้งก่อนมีรอบเดือน และอยู่ในวัยที่ใกล้จะหมดรอบเดือน

ความมหัศจรรย์ของต้นอัลฟัลฟ่า 
        ต้นอัลฟัลฟ่า มีระบบรากลึกถึง 130 ฟุต หรือประมาณความสูงของตึกประมาณ 4 ชั้น มันจึงสามารถดูดเอาสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
ที่อยู่ในดินชั้นลึกๆขึ้นมาได้หมด โดยที่พืชที่มีระ
บบรากตึ้นๆทั้งหลายไม่สามารถดูดเอาสารอาหาร
ที่อยู่ในดินชั้นลึกๆขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่นจำพวก
ส่าหร่าย ข้าวสาลี ที่นำมาผลิตเป็นคลอโรฟิลล์จำหน่ายในท้องตลาดราคาถูกๆ ส่วมากจะเป็นผง
ผสมสารกันบูดลงไปด้วย เพื่อที่จะอยู่ได้นานและ
ขายได้ถูกลง คลอโรฟิลล์จำพวกนี้บริโภคเข้าไปแล้ว จะไม่ค่อยได้ประโยชน์เพราะในเนื้อคลอโรฟิลล์แทบจะไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเลย บริโภคเข้าไปมากๆก็เป็นอันตรายต่อตับ เพราะคลอโรฟิลล์จำพวกนี้เป็นคลอโรฟิลล์ผสม ไม่ใช้ "คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์" ผสมสารกันบูด ผสมน้ำม้นถั่วเหลือง และอะไรอีกหลายๆอย่างลงไปแล้วแต่ละบริษัท ทั้งหมดเป็นผลประโยชน์ทางการค้าทั้งสิ้น โดยไม่คำนึงถึงผู้บริโภค ต่างกับคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์
ที่ไม่มีส่วนผสมอะไรเลยนอกจากคลอโรฟิลล์ล้วนๆ นี่แหละถึงมีคำว่าบริสุทธิ์ต่อท้าย ต่างกับคลอโรฟิลล์ตามท้องตลาดที่เป็นคลอโรฟิลล์ผสม จะระบุแต่เพียงคำว่า "คลอโรฟิลล์"ไม่มีคำต่อท้าย แต่ถ้าเป็นคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ จะต้องมีคำต่อท้ายแบบนี้ "คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์" แต่คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์จะมีราคาแพงกว่าคลอโรฟิลล์ผสม เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงกว่านั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องเลือกเอาระหว่าง ราคาถูกแต่ไม่ค่อยได้ประโยชน์ กับ ราคาแพงกว่าแต่ได้สุขภาพของร่างกายกลับคืนมา
คำอธิบายวิชาการเพิ่มเติม
  ความสำคัญของการละลายน้ำได้
         โดยปกติแล้วไม่ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดใดก็ตาม เป็นที่ทราบกันในวงการแพทย์และเภสัช
กรรมว่า สารที่อยู่ในรูปของการละลายในน้ำมัน (Oil Soluble)  นั้นจะเกิดการตกตะกอนหรือจับนำเอาตะกอนไปสะสมอยู่ที่ตับ ซึ่งเท่ากับเป็นการสะสมพิษและทำลายตับโดยไม่รู้ตัว
         ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงผู้บริโภค จะมีกระบวนการผลิตที่ดีเพื่อให้สามารถอยู่ในรูปของการละ
ลายน้ำได้(Water Soluble) ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้หมดไม่เหลือตะกอนใดๆให้ไปทำลายตับ
  การดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
          สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสกัด Chlorophyll ออกจากเยื่อหุ้มเซลล์ของ
Chlorophyll ได้ (Cellulose) เนื่องจาก มนุษย์ไม่มีเอนไซม์ ที่ชื่อว่าเซลล์ลูเลส (Cellules) ดังที่มีในสัตว์หลายชนิด ที่เวลาเจ็บป่วยมักจะกินผักสดเพื่อรักษาตัวเอง เพราะ สกัด Chlorophyll ได้เอง ดังนั้น
ผลิตภัณฑ์ ที่อ้างว่ามีส่วนผสมของ Chlorophyll ไม่ว่าปริมาณเท่าใดก็ตามหากไม่ผ่านกรรมวิธีการสกัด
เอาเยื่อหุ้มเซลล์ออก ก็ไม่สามารถได้ประโยชน์อะไรจาก Chlorophyll นั้นเลย

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนี้
http://chlorophyll01.weebly.com/ 


ยุง ไม้ไผ่

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คลอโรฟิลล์คืออะไร

       คลอโรฟิลล์คือสารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียวและทำหน้าที่หลัก คือ สังเคราะห์แสงโดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ คลอโรฟิลล์ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้น แต่บางชนิดสังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ในร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฎิกิริยาของคลอ  โรฟิลล์ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยผนังหรือเยื่อหุ้มเซลอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถย่อย เพื่อให้ได้สารคลอโรฟิลล์เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้ ถึงแม้ว่าจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้งคลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้   จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอลล์บางชนิดเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี่ในปัจจุบัน เราสามารถสกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยการปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีอย่างเต็มที่ และเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร ในกรณีที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูกขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกาย ผิดกับคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหาร แต่จะย่อยและดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐจึงให้การรองรับเฉพาะคลอโรฟิลล์ที่ละลายในน้ำได้เท่านั้น ว่าปลอดภัยต่อการบริโภคในปริมาณมากต่อวัน ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีเพียงอาการท้องเสียอย่างเบาบางในบางกรณีเท่านั้น
"โลกใบนี้หากขาดซึ่งคลอโรฟิลล์เสียแล้ว มวลมนุษย์และสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้" นี้คือนิยามของคลอโรฟิลล์  
             
อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ยุง ไม้ไผ่